พลทหารสุระ ภูวนิชวีรบุรุษสงครามเวียดนามและปฏิบัติการลับในลาว

Thailand & WorldWars

ลุงขายข้าวเหนียวไก่ย่างหน้าวิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี ภาพคุ้นตาของนักศึกษาหลายคนเดินผ่านไปมาที่มักยกมือไหว้สวัสดีตอนเช้าก่อนเดินเข้าวิทยาลัย รอยยิ้มและบุคลิกที่เป็นมิตรซ่อนประสบการณ์ชีวิตที่น่าสนใจเอาไว้ ลุงสุระหรือพลทหารสุระ ภูวนิช อดีตทหารผ่านศึกสงครามเวียดนาม กองพลเสือดำ (Black Panther Division) ตำแหน่งพลวิทยุระบุชี้เป้ายิงปืนใหญ่ประการในค่ายแบร์แคตและปฏิบัติการสงครามลับในลาวร่วมกับ CIA ฐานทัพบ้านล่องแจ้ง แขวงไซสมบูน

ลุงสุระเล่าให้ฟังว่าตอนสมัครเข้ากองพลทหารอาสาสมัครไปสงครามเวียดนามยังอยู่ในวัยหนุ่มยังไม่ได้แต่งงานมีครอบครัว การไปรบที่เวียดนามไม่ใช่ว่าจะได้ไปง่าย ๆ ต้องมีการสมัครคัดเลือก โชคดีที่ลุงได้ไปเวียดนามเพราะอยากไปร่วมรบในสงคราม หลังจากรายงานตัวที่ค่ายทหารในจังหวัดกาญจนบุรีเข้าสังกัดกองพลเสือดำ (Black Panther Division) ก็ได้ออกเดินทางไปเวียดนามโดยเรือขนส่งบริเวณท่าเรือคลองเตยในกรุงเทพมหานครมุ่งหน้าสู่กรุงไซง่อน เวียดนามใต้

เดินทางสู่กรุงไซง่อน สงครามเวียดนาม

เมื่อเดินทางถึงเวียดนามลุงสุระรู้สึกคุ้นชินกับสภาพอากาศในเวียดนามที่เหมือนเมืองไทย ทุ่งนา ฝูงควาย ผู้หญิงเวียดนามหน้าตาดีผิวขาวคล้ายคนจีนลุงสุระเล่าให้ฟังด้วยท่าทางเขินอาย สิ่งที่ลุงแปลกใจมากในเวียดนาม คือ คนเวียดนามแทบไม่มีคนอ้วนเลยอาจเป็นเพราะว่าอาหารการกินของคนเวียดนามมีผักเยอะและเป็นอาหารที่ไม่มีไขมัน

หลังจากเข้ารายงานตัวลุงสุระถูกส่งไปค่ายแบร์แคต ในตำแหน่งพลวิทยุระบุชี้เป้ายิงปืนใหญ่ทำหน้าที่วิทยุรายงานตำแหน่งการยิงปืนใหญ่สนับสนุนการรบของทหาร ตอนนั้นลุงสุระเล่าด้วยความภูมิใจว่าสามารถจำรหัสการยิงปืนใหญ่ รหัสการเข้าตีในรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ โดยใช้ตัวละครในวรรณคดีไทยเรื่องรามเกียรติ์ที่คนไทยคุ้นเคยเป็นรหัสลับ เช่น ทศกัณฐ์ หนุมาน พระราม ผสมกับรหัสการลับที่เป็นภาษาอังกฤษของกองทัพสหรัฐอเมริกา

แม้จะไม่ได้เข้าทำการรบแบบประชิดตัวกับทหารเวียดกงของกองทัพประชาชนเวียดนามเหนือแต่ลุงสุระได้เล่าถึงเค่าคืนที่มืดสนิดต้องนอนเฝ้าฐานที่ขุดลึงลงใต้ดิน ครั้งหนึ่งทหารเวียดกงเข้าตีฐานแสงสว่างจากปืนใหญ่และจรวดวูบวาบสวยงามจนเพื่อนทหารคนหนึ่งที่ลุงรู้จักชอบโผล่ขึ้นไปแอบดูจนลุงต้องคอยกระซิบให้หมอบลงหลุม เสียงปืนใหญ่และจรวดของเวียดกงแต่ละแบบจนลุงจำเสียงได้ว่าปืนใหญ่หรือจรวดชนิดไหนยิงเข้าใส่ฐาน คืนหนึ่งเพื่อนที่รู้จักกันอีกคนหลุมหลับภัยที่อยู่ใกล้ๆ กับลุงโดนจรวดของเวียดกงยิงเข้าใส่นอนเลือดออกทางจมูกปาก รอดไหมครับผู้เขียนถามลุงด้วยความตื่นตระหนก “จะไปเหลือหรอตายสิ” ลุงสุระตอบมาสั้น ๆ

อ่านเพิ่มเติม : สมรภูมิเคซาน (Battle of Khe San) กองทัพประชาชนเวียดนามเหนือล้อมฐานทัพนาวิกโยธินสหรัฐอเมริกา

ชีวิตทหารไทยในค่ายแบร์แคต

ชีวิตในค่ายแบร์แคตเป็นโลกของผู้ชายที่นี่ไม่มีผู้หญิงกิจกรรมสังสรรค์ในวันสงกรานต์หรืองานเลี้ยงต่าง ๆ จะใช้เพื่อนทหารด้วยกันแต่งตัวเป็นผู้หญิงหยอกล้อกันสนุกสนาน “ถามจริงๆ น่ะ ลุงกลัวตายไหม” ผู้เขียนถามลุงสุระ “กลัวสิ” ลุงสุระตอบกลับมาพร้อมยิ้มเล็กน้อย การออกไปนอกค่ายเป็นสิ่งที่อันตรายมากต้องออกไปทำภารกิจและได้รับ อนุญาตจากผู้บังคับบัญชาเท่านั้น การออกไปนอกค่ายถือว่าเสี่ยงตายมาก ๆ เพราะพวกเวียดกงแฝงตัวตัวอยู่ในเมืองและถือเป็นความผิดร้ายแรง

ถ่ายภาพกับปืนกลปืนกลอเนกประสงค์ M60 (M60 Machine Gun)
กิจกรรมวันสงกรานต์ให้เพื่อนพลทหารแต่งตัวเป็นผู้หญิงเต้นรำหยอกล้อกัน

ในค่ายแบร์แคตนอกจากอาหารกองทัพเลี้ยงการซื้อของกินเล่นอย่างอื่นยากมาก ๆ ฐานทัพมีร้านขายสินค้าอยู่ภายในค่ายเรียกว่าพีเอ็กแต่ทหารไทยที่ยศต่ำจะไม่มีสิทธิเข้าไปซื้อมีแต่ทหารอเมริกาและนายทหารไทยชั้นยศสูงเท่านั้นที่มีสิทธิซื้อได้ อย่างไรก็ตามทหารอเมริกาก็มักแอบไปซื้อสินค้ามาให้ทหารไทยเพื่อแลกกับการเสพกัญชา ทหารอเมริกาสูบกัญชาจัดมากสูบกันเหมือนสูบบุหรี่เป็นเรื่องปกติ

ผู้เขียนถามลุงสุระว่าเคยยิงทหารเวียดกงตายไหม ลุงสุระนิ่งไปอึดใจหนึ่งและตอบว่าไม่เคยฆ่าคนแต่มีเพื่อนลุงคนหนึ่งเคยยิงทหารเวียดกงตาย หลังจากกลับไทยเพื่อนคนนั้นมักผวาเสียงพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟหรือเสียงอะไรก็ตามที่ดังมาก ๆ ก็จะสะดุ้งขึ้นมา นอกจากนี้ยังทราบว่าทหารบางคนชอบผวาตกใจคล้ายคนบ้าไปเลยก็มี

ถ่ายรูปกับเพื่อนคนหนึ่งบริเวณทางเข้าหลุมหลบภัยที่ใช้นอนยามค่ำคืน

อ่านเพิ่มเติม : ปฏิบัติการรุกครั้งใหญ่ในวันตรุษญวน

ปืนใหญ่ในค่ายแบร์แคต

อ่านเพิ่มเติม : โฮจิมินห์ (Hồ Chí Minh) นักปฏิวัติชาวเวียดนามและผู้นำทางจิตวิญญาณของประเทศเวียดนามในปัจจุบัน

ปฏิบัติการสงครามลับในลาวร่วมกับ CIA

หลังจากประจำการในเวียดนามเป็นเวลาประมาณ 1 ปี ลุงสุระกลับเมืองไทยและเข้าร่วมปฏิบัติการสงครามลับในลาวรวมกับ CIA ฐานทัพบ้านล่องแจ้ง แขวงไซสมบูน การไปรบคราวนี้สร้างความหวั่นใจให้ลุงสุระไม่น้อย เนื่องจากเป็นปฏิบัติการลับจึงต้องถอดยศตำแหน่ง ชื่อ-นามสกุลเอาไว้ที่ประเทศไทย เดินทางเข้าสู่ฐานทัพบ้านล่องแจ้งในฐานะชาวม้งคนหนึ่ง ลุงจำชื่อไม่ได้ว่าในตอนนั้นใช้ชื่อเป็นภาษาม้งว่าอะไร

ลุงสุระเคยพบนายพลวังเปา นายทหารเชื้อสายม้งที่เป็นแม่ทัพคนสำคัญในปฏิบัติการสงครามลับร่วมกับ CIA ลุงอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับนายพลวงเปาว่า นายพลวังเปาเป็นชายรูปร่างเล็ก ฉลาดและใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างดีเยี่ยม

ถ่ายภาพกับนางพยาบาลคนหนึ่งที่พาลุงสุระออกมาสูดอากาศบริเวณโรงพยาบาล

ชีวิตในฐานทัพบ้านล่องแจ้งอันตรายและพร้อมจะได้ตายได้ตลอดเวลา ในตอนเช้าหมอกลงจัดจนมองไม่เห็นคนเดินมาในระยะใกล้ อากาศหนาวเย็นเพราะบ้านล่องแจ้งอยู่ท่ามกลางภูเขา ปฏิบัติการลับในลาวจบลงด้วยแผนไฟไหม้รุนแรงจนเป็นแผลขนาดใหญ่บริเวณขาด้านซ้ายจากการระเบิดของถังน้ำมันขณะประจำการบริเวณทุ่งไหหิน ผู้เขียนไม่ได้ถามต่อว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะไม่อยากขุดบาดแผลในจิตใจของลุงสุระออกมา หลังจากได้รับบาดเจ็บลุงสุระได้เดินทางมารักษาตัวในโรงพยาบาลแฟรนชิฟ จังหวัดนครราชสีมาเป็นเวลาประมาณ 3 เดือน โดยมีคุณแม่เดินทางมาจากจังหวัดนนทบุรีเข้าเยี่ยมเป็นระยะจนหายเป็นปกติ

ขณะรักษาบาดแผลในโรงพยาบาลแฟรนชิฟ คุณแม่เดินทางจากจังหวัดนนทบุรีมาเยี่ยมเป็นระยะ

เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจสงคราม ลุงสุระได้รับเหรียญกล้าหาญจากการรบในสงครามเวียดนามและเหรียญเชิดชูเกียรติในปฏิบัติการลับในลาว ชีวิตหลังจากนี้ลุงทำงานในโรงงานอยู่พักหนึ่งแต่งงานในปี พ.ศ. 2520 หรือ ค.ศ. 1977 มีบุตรสาว 1 คน ก่อนเข้ามาเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยให้กับหนังสือพิมพ์ไทยรัฐอยู่ประมาณ 31 ปี ด้วยความที่เคยเป็นทหารมาก่อนทำให้ลุงสุระมีระเบียบวินัยตื่นเช้าเข้าออกงานตรงเวลาได้รับการยกย่องจากหัวให้เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยตัวอย่างของบริษัท รวมไปถึงออกกำลังกายอย่าสม่ำเสมอทำให้ยังคงมีร่างกายแข็งแรงอยู่

ปัจจุบันลุงสุระได้เข้าร่วมงานเลี้ยงทหารผ่านศึกเป็นประจำทุกปีแต่ลุงเล่าให้ฟังว่าไม่ค่อยเจอคนรู้จักเพราะทหารผ่านศึกที่เข้าร่วมมากันหลายคนจำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร ชีวิตมีความสุขพร้อมหลานอีก 1 คน ภรรยาของลุงขายอาหารอยู่ในวิทยาลัยเทคนิค หลังจากขายข้าวเหนียวไก่ปิ้งเงินทั้งหมดจะเอาไปให้ภรรยา ลุงสุระเล่าให้ฟังพร้อมเสียงหัวเราะ “ขายได้เท่าไรก็ให้เขาทั้งหมด” ผู้เขียนถามลุงสุระว่าทำไมนักศึกษาหลายคนเดินผ่านไปมาแล้วมักยกมือไหว้สวัสดีตอนเช้าลุง  “ถ้าเราวางตัวให้น่าเคารพ เดี่ยวเขาก็ยกมือไหว้เอง” ลุงสุระตอบกลับมาด้วยความภาคภูมิใจ

พลทหารสุระ ภูวนิช ในวัย 73 ปี ขณะขายข้าวเหนียวไก่ย่างอยู่หน้าวิทยาเทคนิคแห่งหนึ่ง

ในระหว่างสงครามเวียดนามและปฏิบัติการสงครามลับในลาวเพื่อสกัดกั้นแนวคิดลัทธิคอมมิวนิสต์เข้าสู่ภูมิภาคและประเทศไทย ผู้เขียนอธิบายสั้น ๆ ว่าหากลัทธิคอมมิวนิสต์สามารถเข้ายืดประเทศไทยได้สำเร็จจะเกิดการจับกุมผู้คนจำนวนมากโดยเฉพาะข้าราชการที่ยังยืดมั่นในระบบการปกครองเดิมและอาจเลยเถิดไปถึงการประหารชีวิตผู้คนจำนวนมากที่ไม่ยอมรับลัทธิคอมมิวนิสต์ดังตัวอย่างในประวัติศาสตร์ของหลายประเทศ

สำหรับกำลังรบที่ประเทศไทยส่งเข้าร่วมรบในสงครามเวียดนามนาม กองทัพไทยส่งกำลังชุดแรกเป็นหน่วยบินชื่อว่า Victory Wing Unit ประกอบด้วยนักบิน 10 นายและนายช่างอากาศ 6 นาย รวมไปถึงกำลังรบทางเรือ เรือหลวงพงัน เรือตรวจการชายฝั่ง ต.12 พร้อมกำลังพลจำนวนหนึ่งชื่อหน่วยว่า Sea Horse Task Element ส่วนทหารราบเริ่มจัดตั้งกองกำลังขึ้นในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1967 รัฐบาลไทยอนุมัติส่งทหารอาสาเข้าสู่ประเทศเวียดนามใต้ชุดแรก 2,107 นาย ชื่อหน่วยว่าจงอางศึก (Queen’s Cobras Regiment) มีพันเอก สนั่น ยุทธสารประสิทธิ์เป็นผู้บังคับการกรมอาสาสมัครหน่วยนี้ขึ้นตรงกับกองทัพสหรัฐอเมริกา การรบครั้งสำคัญที่หมู่บ้านฟุกโถ

ต่อมาในวันที่ 14 มกราคม ค.ศ.1968 รัฐบาลไทยยกระดับการสนับสนุนด้านการทหารเป็นการส่งกำลังทหารระดับกองพล โดยจัดตั้งกองพลเสือดำ (Black Panther Division) มีกำลังพล 11,300 นาย ตั้งค่ายฝึกและเตรียมกำลังพลที่ค่ายกาญจนบุรี แบ่งกำลังพลเดินทางไปเวียดนาม 3 ผลัด ผลัดล่ะ 1 ปี ปัจจุบันค่ายแห่งนี้เป็นที่ตั้งของกองพลทหารราบที่ 9 จังหวัดกาญจนบุรี ส่วนกำลังรบที่ประเทศไทยส่งเข้าร่วมรบในปฏิบัติการสงครามลับในลาวนั้นไม่พบว่าข้อมูลว่าถูกส่งไปจำนวนเท่าได

ทหารไทยที่ถูกส่งไปรบในสงครามเวียดนามและปฏิบัติการสงครามลับในลาวสามารถช่วยประเทศไทยเอาไว้แม้จะเป็นการสู้รบภายนอกประเทศก็ตาม ทหารไทยเสียชีวิตในสงครามเวีดยนามจากบันทึกของสเป็นเซอร์ ทัคเกอร์ นักเขียนหนังสือสงครามเวียดนามพบว่ามีจำนวนประมาณ 351 นาย บาดเจ็บและพิการ 1,358 นาย หลายนายหายสาบสูญไปในป่าไม่พบศพโดยเฉพาะปฏิบัติการสงครามลับในลาว ทหารหลายนายที่รอดชีวิตกลับสู่ประเทศไทยก็มิอาจลืมความทรงจำเหล่านั้นได้

คลิปวิดีโอกองพันจงอางศึก พ.ศ. 2510

เรียบเรียงโดย The History Now