เรือพิฆาตเทคโนโลยีล่องหนขีปนาวุธนำวิถี USS Michael Monsoor สดุดีวีรกรรมของพลทหารไมเคิล มอนซัว

Wars

เรือพิฆาตเทคโนโลยีล่องหนติดตั้งขีปนาวุธนำวิถี USS Michael Monsoor หมายเลข DDG-1001 ถูกตั้งชื่อเพื่อสดุดีวีรกรรมของพลทหารไมเคิล มอนซัว ทหารหน่วยซีลที่ยอมพลีชีพตัวเองกระโดดทับระบาดเพื่อช่วยคนอื่นในทีมระหว่างการรบในสงครามอีรัก

พลทหารไมเคิล มอนซัวเกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน 1981 เข้าร่วมกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาสำเร็จการฝึกหลักสูตรหน่วยซีลในปี 2004 ก่อนเข้าร่วมหน่วยรบ Delta สังกดหน่วยซีลทีม 3 (SEAL Team 3) เข้าร่วมรบในสงครามอีรักในปี 2006 ทำหน้าที่ฝึกสอนทหารอีรักในเมืองรามาดี

ในวันที่ 29 กันยายน 2006 เกิดการปะทะกับกลุ่มต่อต้านในอีรักบริเวณหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ไมเคิล มอนซัวและทหารในทีมถูกล้อมเอาไว้ในบ้านแห่งหนึ่ง กลุ่มต่อต้านได้ปาระเบิดเข้าใส่เมื่อไมเคิล มอนซัวมองเห็นระเบิดจึงตะโกนบอกเพื่อให้หลบจากนั้นตัวกระโดดใช้ร่างกายทับระเบิดทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตใน 30 นาทีต่อมาเนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว

วีรกรรมของพลทหารไมเคิล มอนซัวได้รับเหรียญกล้าหาร Medal of Honor รวมไปถึงการถูกเสนอให้นำชื่อของเขาไปตั้งแต่เป็นเรือพิฆาตเทคโนโลยีล่องหนติดตั้งขีปนาวุธนำวิถีลำใหม่ของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา USS Michael Monsoor หนึ่งในเรือพิฆาตล่องหน 2 ลำที่มีเทคโนโลยีการรบทันสมัยมากที่สุดในโลก เรือพิฆาตชั้น Zumwalt-Class ส่วนเรือฝาแฝดอีกลำมีชื่อว่า USS Zumwalt หมายเลข DDG-1000 ที่ถูกตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติให้กับพลเรือเอก Elmo Zumwalt นายพลสหรัฐในสงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามเกาหลี และสงครามเวียดนาม ส่วนเรือพิฆาตลำที่ 3 ชื่อ USS Lyndon B. Johnson หมายเลข DDG-1002 อยู่ในระหว่างการต่อเรือยังไม่นำเข้าประจำการ

เรือพิฆาตเทคโนโลยีล่องหนติดตั้งขีปนาวุธนำวิถี USS Michael Monsoor มีระวางขับดันน้ำประมาณ 14,564 ตัน ความยาวตลอดลำเรือ 182.9 เมตร ได้รับการออกแบบให้มีลักษณะเป็นเรือล่องหนลดการสะท้อนของเรดาห์ เรือทำความเร็วสูงสุดบนผิวน้ำ 30.3 นอตหรือประมาณ 56.1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบตรวจสอบหาเรือลำอื่นแบบ AN/SPY-3 Multi-Function Radar (MFR) ติดตั้งขีปนาวุธ Mark 41 Vertical Launching System ประมาณ 20 ลูก ช่องปล่อยขีปนาวุธแนวตั้ง 4 ช่อง

ขีปนาวุธแบบ Evolved Sea Sparrow Missile (ESSM) ขีปนาวุธร่อนโจมตีระยะไกล Tomahawk จรวดต่อต้านเรือดำน้ำ Anti-Submarine Rocket (ASROC) ปืนใหญ่ขนาด 155 มม. จำนวน 2 กระบอก กระสุนประมาณ 920 นัด ปืนกล Mk44 Bushmaster II จำนวน 2 กระบอก เรือสามารถบรรทุกเฮลิคอปเตอร์แบบ SH-60 LAMPS จำนวน 2 ลำ , MH-60R จำนวน 1 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับแบบ MQ-8 Fire Scout จำนวน 3 ลำ ระบบอาวุธทั้งหมดถูกซ่อนตัวอยู่ภายใต้ผิวเรือที่ราบเรียบเพื่อลดการสะท้อนของเรดาห์ ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและอาวุธมหาโหดทำให้เรือลำนี้มีมูลค่ามากถึง 46,000 ล้านบาท

พลทหารไมเคิล มอนซัวขณะร่วมรบในสงครามอีรัก

เรือพิฆาตล่องหนชั้น Zumwalt-class destroyer ทั้ง 2 ลำ

เรียบเรียงโดย THE HISTORY NOW