วันที่ 2 กันยายน 1945 กองทัพญี่ปุ่นลงนามตราสารยอมจำนนของญี่ปุ่นหรือลงนามยอมแพ้โดยไม่ปราศจากเงื่อนไขต่อกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรนำโดยสหรัฐอเมริกา ตัวแทนจักรวรรดิญี่ปุ่นลงนามยอมแพ้บนเรือรบมิสซูรี่บริเวณอ่าวโตเกียว นับเป็นวันที่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเป็นทางการ
สถานที่ลงนามสหรัฐอเมริกาเลือกเรือรบมิสซูรี่ เรือประจัญบานสำคัญลำหนึ่งของกองทัพสหรัฐเรือลำนี้เคยถูกใช้ร่วมรบในหลายสมรภูมิภาคพื้นแปซิฟิกช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ต่อมาถูกนำมาใช้ในสงครามเกาหลีและปรับปรุงการใช้งานเพื่อเข้าร่วมรวบในสงครามอ่าวเปอร์เซีย ก่อนปลดประจำการในปี 1995 รวมระยะเวลาประจำการนานกว่า 50 ปี
กองทัพญี่ปุ่นส่งรัฐมนตรีต่างประเทศมาโมรุ ชิกะมิสซุ (Mamoru Shigemitsu) เป็นผู้นำคณะตัวแทนเข้ายอมจำนนต่อกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตร รวมกับนายทหารอีกจำนวนหนึ่ง เช่น นายพลโยชิจิโร อูมิซุ (Yoshijiro Umezu) ผู้แทนกองทัพบกญี่ปุ่น
ผู้แทนกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรประกอบด้วยประเทศสหรัฐอเมริกา พลเอกดักลาส แมกอาร์เธอร์ (Douglas MacArthur) ผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐอเมริกาภาคพื้นแปซิฟิก นายพลแมกอาร์เธอร์มีบทบาทสำคัญในการรบภาคพื้นแปซิฟิกเป็นอย่างมาก ต่อถูกรัฐบาลสหรัฐสั่งปลดในช่วงสงครามเกาหลี พลเรือเอกเชสเตอร์ นิมิตซ์ (Chester Nimitz) ต่อมานายพลนิมิตซ์ถูกตั้งเป็นชื่อกองเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐนิมิตซ์ในปัจจุบัน นายพล Hsu Yung-chang ตัวแทนจากกองทัพจีน (ในขณะนั้นกองทัพประชาชนของเหมา เจ๋อตงยังไม่มีอำนาจในประเทศจีน) รวมไปถึงผู้แทนจากอังกฤษ สหภาพโซเวียต (รัสเซียในปัจจุบัน) ออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และนิวซีแลนด์
เหตุการณ์สำคัญในวันนี้นับเป็นการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเป็นทางการ หลังการต่อสู้ยาวนานเกือบ 6 ปี ทำให้ทั้งสองฝ่ายมีผู้เสียชีวิตรวมกันมากกว่า 70 ล้านคน นับเป็นมหาสงครามที่แสดงออกถึงด้านมืดและความโหดร้ายของมนุษย์ที่กระทำต่อมนุษย์ด้วยกันครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
สำหรับเหตุผลที่กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นยอมแพ้นั้นเนื่องมาจากการคลาดแคลนทรัพยากรสงคราม การถูกโจมตีด้วยระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม และวันที่ 9 สิงหาคม ก่อนการยอมแพ้ประมาณ 1 เดือน นอกจากนี้ยังมีเหตุผลสำคัญคือ กองทัพสหภาพโซเวียติประกาศสงครามกับญี่ปุ่นทำให้ญี่ปุ่นหมดหนทางที่ต้องการเจรจาให้สหภาพโซเวียติเป็นตัวกลางในการยุติสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร
ที่มาของข้อมูล