เช้าตรู่วันที่ 7 ธันวาคม 1941 วันนี้เมื่อ 78 ปีก่อน กองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นส่งฝูงบินเข้าถล่มอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาอย่างไม่ทันตั้งตัว กองทัพเรือสหรัฐอเมริกาเสียหายอย่างหนักจนเกือบสิ้นสภาพการรบ อเมริกากันชนตกอยู่ภายใต้ความตกตะลึง
หนึ่งวันต่อมาประธานาธิบดีแฟรงคลิน ดี. รูสเวลต์ประกาศสงครามกับกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นเครื่องจักรสงครามสหรัฐอเมริกาเดินหน้าเต็มกำลังปลุกพลังทำลายล้างที่โลกไม่เคยพบเห็นมาก่อน
กองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่น
กองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นนำโดยจอมพลเรือ อิโซโรกุ ยามาโมโตะผู้บรรชาการกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นวางแผนการโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์มานานแล้ว โดยมีรายงานว่ากองทัพเรือญี่ปุ่นถึงขนาดสร้างอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ขนาดจำลองขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อให้แม่ทัพที่ทำหน้าที่โจมตีมองเห็นรายละเอียดและวิธีการเข้าโจมตีอย่างชัดเจนมากที่สุด แผนการโจมตีครั้งเกิดจากญี่ปุ่นมองว่าสหรัฐอเมริกาเป็นภัยคุกคามต่อการขยายอิทธิพลของจักรวรรดิญี่ปุ่นในทวีปเอเชียและหากต้องการเอาชนะกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาญี่ปุ่นจำเป็ฯต้องใช้การโจมตีที่เด็ดขาดเพียงครั้งเดียวเพื่อทำลายกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาทั้งหมด
กล่าวกันว่าแนวคิดการโจมตีเด็ดขาดเพียงครั้งเดียวนี้ได้รับอิทธิพลจากแนวคิดของซามูไรที่ต้องโจมตีศัตรูรวดเร็วและต้องฆ่าให้ตายอย่างเด็ดขาด ผสมกับแนวคิดการฝึกกลยุทธการโจมตีทางทะเลในโรงเรียนนายเรือญี่ปุ่นซึ่งได้ใช้โรงเรียนนายเรือของประเทศอังกฤษเป็ฯต้นแบบการฝึกกลยุทธการโจมตีทางทะเล รวมไปถึงแนวคิดเกี่ยวกับกลยุทธการโจมตีทางทะเลที่เด็ดขาดเพียงครั้งเดียวจากหนังสือ “The Influence of Sea Power upon History” โดย Alfred Thayer Mahan นักเขียนชาวสหรัฐฮเมริกา
กองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน 6 ลำ ประกอบด้วยเรือบรรทุกเครื่องบินฮิริว (Hiryū) , เรือบรรทุกเครื่องบินโซริว (Soryu) , เรือบรรทุกเครื่องบินคากะ (Kaga) , เรือบรรทุกเครื่องบินอะกากิ (Akagi) , เรือบรรทุกเครื่องบินโชคาคุ (Shōkaku) และเรือบรรทุกเครื่องบินซุคาคุ (Zuikaku) บรรทุกเครื่องบินแบบต่าง ๆ รวมกันประมาณ 400 ลำ เรือประจัญบาน 2 ลำ พร้อมกองเรือติดตามอีกหลายสิบลำ กองเรือออกเดินทางจากฐานทัพเรือทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น
หน่วยสืบราชการลับของสหรัฐอเมริกาได้ตรวบพบความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของกองเรือญี่ปุ่นแต่ไม่สามารถระบุเป้าหมายการโจมตีได้ รวมไปถึงในขณะนั้นอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์อยู่ในตำแหน่งที่ไกลจากประเทศญี่ปุ่นหลายพันกิโลเมตร กองทัพสหรัฐอเมริกาจึงไม่คิดว่าเป้าหมายการโจมตีจะเป็นบริเวณอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ ก่อนการโจมตีระลอกรอบแรกจะเริ่มขึ้น หน่วยเรดาร์ของฐานทัพเรืออ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ตรวจพบฝูงบินขนาดใหญ่มุ่งหน้าเข้ามาแต่หน่วยเรดาร์คิดว่าเป็นฝูงบินของกองทัพสหรัฐอเมริกาทำให้ขาดการเเจ้งเตือนและเตรียมพร้อมที่ดีเพียงพอ
เริ่มการโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์
เวลา 07.45 น. ฝูงบินการโจมตีระลอกแรกถูกส่งขึ้นสู่อากาศจากเรือบรรทุกเครื่องบิน 3 ลำ เครื่องบินหลักที่ใช้โจมตีในระลอกแรกประกอบด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่น Nakajima B5N รุ่นติดตั้งระเบิดและรุ่นติดตั้งตอร์ปิโดจำนวน 89 ลำ เครื่องบินทิ้งระเบิด Aichi D3A จำนวน 51 ลำ เครื่องบินขับไล่คุ้มกัน Mitsubishi A6M “Zero” จำนวน 43 ลำ เครื่องบินทั้งหมดเดินทางเข้าสู่เป้าหมายเวลาประมาณ 08.11 น. เป้าหมายส่วนใหญ่เป็นสนามบินหลักและเรือรบสหรัฐอเมริกา เกาะฟอร์ด (Ford Island) เกาะขนาดใหญ่ที่อยู่กลางอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ เมือง Kaneohe ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์
ฝูงบินการโจมตีระลอกสองจากเรือบรรทุกเครื่องบินอีก 3 ลำที่เหลือ ประกอบด้วยเครื่องบิน Nakajima B5N จำนวน 54 ลำ เครื่องบินทิ้งระเบิด Aichi D3A จำนวน 78 ลำ และเครื่องบินขับไล่คุ้มกัน Mitsubishi A6M “Zero” จำนวน 35 ลำ เครื่องบินทั้งหมดเดินทางเข้าสู่เป้าหมายเวลาประมาณ 08.48 น.เป้าหมายส่วนใหญ่เป็นสนามบินหลักและเรือรบสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงตำแหน่งอื่น ๆ จากการโจมตีในระลอกแรกเพื่อทำลายอย่างเด็ดขาด
ผลการโจมตีและความเสียหาย
ผลจากการโจมตีกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาได้รับความเสียหายอย่างหนัก เรือประจัญบานถูกจมทั้งหมด 4 ลำและได้รับความเสียหายอย่างหนัก 4 ลำ รวมไปถึงเรือประเภทอื่น ๆ อีกจำนวนมาก เครื่องบินรบถูกทำลาย 347 ลำ ทหารเสียชีวิต 2,335 นาย หายสาบสูญซึ่งคาดว่าติดอยู่ใต้ท้องเรือประจัญบานขณะเรือจมลงสู่ทะเล 1,143 นาย พลเรือนเสียชีวิต 68 คน สูญหาย 35 คน
ความเสียหายของกองทัพเรือญี่ปุ่นเรือดำน้ำถูกทำลาย 5 ลำ เครื่องบินถูกทำลาย 29 ลำและได้รับความเสียหาย 74 ลำ ทหารเสียชีวิต 64 นาย ถูกจับเป็นเชลย 1 นาย แต่นั่นไม่ใช่ความเสียหายที่แท้จริงที่จักรวรรดิญี่ปุ่นจะได้รับในสงครามโลกครั้งที่ 2 ชะตากรรมของทหารญี่ปุ่นและพลเมืองญี่ปุ่นอีกหลายล้านคนที่ต้องสังเวยนับจากนี้ดูเหมือนถูกกำหนดไว้แล้วด้วยเครื่องจักรสงครามพลังแห่งการทำลายล้างของกองทัพสหรัฐอเมริกา
แม้ว่ากองทัพเรือสหรัฐอเมริกาจะเสียหายอย่างหนักแต่อาวุธที่ทรงพลานุภาพมากที่สุดในยุคนั้นยังไม่ได้รับความเสียหาย เรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐอเมริกายูเอสเอส เล็กซิงตัน (USS Lexington) และ ยูเอสเอส เอ็นเตอร์ไพรส์ (USS Enterprise) ได้ออกทะเลมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเพียงไม่กี่วันก่อนญี่ปุ่นจะโจมตีอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ ซึ่งต่อมาเรือบรรทุกเครื่องบินจะกลายเป็นตัวชี้ขาดในการรบทางทะเลของสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุทธนาวีทะเลคอรัลและยุทธนาวีที่มิดเวย์
ที่มาของข้อมูล
Pearl Harbor: Photos and Facts from the Infamous WWII Attack
The Influence of Sea Power upon History
Yamato: Japan’s Biggest Battleship
Pearl Harbor attack