พลเอก ดักลาส แมกอาเธอร์

PeopleWars

11 เมษายน ค.ศ. 1951 พลเอก ดักลาส แมกอาเธอร์ถูกสั่งปลดออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังสหประชาชาติในสงครามเกาหลี โดยประธานาธิบดีแฮร์รี ทรูแมน หลังจากพลเอก ดักลาส แมกอาเธอร์เสนอให้ใช้ปฏิบัติการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ในสงครามเกาหลี ซึ่งอาจเป็นชนวนเหตุให้เกิดสงครามนิวเคลียร์ล้างโลก สงครามโลกครั้งที่ 3

พลเอกดักลาส แมกอาเธอร์มีชื่อเสียงจากการนำกองทัพสัมพันธมิตรต่อสู้กับญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 การนำกองทัพยกพลขึ้นบกในประเทศฟิลิปปินส์บริเวณอ่าวเลย์เตและขับไล่กองทัพญี่ปุ่นออกจากประเทศฟิลิปปินส์รวมไปถึงภาคพื้นแปซิฟิก

พลเอกดักลาส แมกอาเธอร์มีบทบาทสำคัญอีกครั้งในการเข้าบริหารจัดการประเทศญี่ปุ่น จัดการระเบียบสังคมญี่ปุ่น หลังจากญี่ปุ่นยอมแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งในขณะนั้นมีชาวญี่ปุ่นจำนวนมากไม่เชื่อว่าญี่ปุ่นยอมแพ้และมีแนวโน้มที่จะเกิดจราจลในประเทศญี่ปุ่นสูงเนื่องจากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากขาดแคลนอาหารและระบบสาธารณูปโภคถูกทำลาย 

ประชาชนญี่ปุ่นมีความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะ พลเอกดักลาส แมกอาเธอร์ได้เข้าพบกับสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะเพื่อให้พระองค์ยอมร่วมมือในการปรับเปลี่ยนสังคมญี่ปุ่นภายหลังสงคราม รวมไปถึงพลเอกดักลาส แมกอาเธอร์มีบทบาทสำคัญในการเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประเทศญี่ปุ่นที่มีความเป็นประชาธิปไตย

พลเอกดักลาส แมกอาเธอร์ มีบทบาทสำคัญอีกครั้งในสงครามเกาหลี หลังจากกองทัพเกาหลีเหนือภายใต้การสนับสนุนจากสหภาพโซเวียตและประเทศจีนได้เริ่มบุกโจมตีเกาหลีใต้จนเกือบสามารถยึดประเทศเกาหลีใต้ได้ทั้งประเทศแต่กองกำลังสหประชาชาตินำโดยสหรัฐอเมริกาได้ยกพลขึ้นบกที่เมืองปูซานเพื่อโจมตีตอบโต้ 

กองทัพเกาหลีเหนือล่าถอยไปเกือบถึงพรมแดนประเทศจีนแต่กองทัพจีนได้รวมกำลังเข้าช่วยเหลือและผลักดันกองกำลังสหประชาชาติล่าถอย ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้พลเอกดักลาส แมกอาเธอร์เสนอให้ใช้ระเบิดนิวเคลียร์กับกองกำลังเกาหลีเหนือและประเทศจีนจนเป็นเหตุให้ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังสหประชาชาติในสงครามเกาหลี ในวันกล่าวอำลาตำแหน่งในรัฐสภาสหรัฐพลเอกดักลาส แมกอาเธอร์ได้กล่าวว่า “The Old soldiers never die , they just fade away ทหารไม่ได้ตาย พวกเขาแค่จางหายไป”