ในระหว่างสงครามเวียดนาม ทหารสหรัฐอเมริกาสังกัดกองร้อยชาร์ลี กองพลทหารราบที่ 26 จำนวนประมาณ 26 นาย ภายใต้การนำของร้อยตรีวิลเลียม แคลลีย์ (William Calley) ลั่นไกปืนกราดยิงชาวบ้านบริเวณหมู่บ้านหมีลายและหมู่บ้านหมีแค บริเวณจังหวัดกว๋างหงาย ตอนกลางของประเทศเวียดนาม ชาวบ้านเวียดนามเสียชีวิต 504 คน ในจำนวนนี้มีเด็กเล็ก ผู้หญิง ที่ปราศจากอาวุธเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
ในระหว่างการสังหารหมู่ช่างภาพ Ronald L. Haeberle ได้บันทึกภาพเอาไว้เพื่อเปิดเผยให้ชาวโลกได้รับรู้ในเดือนเดือนพฤศจิกายนปี ค.ศ. 1969 และสร้างความไม่พอใจในหมู่ประชาชนชาวเวียดนามและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก นับเป็นความผิดพลาดด้านการสั่งการและรอยด่างพล้อยของกองทัพสหรัฐอเมริกาครั้งสำคัญในสงครามเวียดนาม
ทหารสหรัฐเข้าขัดขวางการสังหารหมู่
ในระหว่างการสังหารหมู่มีทหารช่างสหรัฐอเมริกาจำนวน 3 นาย พยายามขัดขวางและให้การช่วยเหลือชาวเวียดนามที่ซ่อนตัว ต่อมาทหารทั้ง 3 นายได้รับการยกย่องเหรียญกล้าหาญในฐานะวีรบุรุษสงคราม
นักบินเฮลิคอปเตอร์ฮิวจ์ ทอมป์สัน (Hugh Thompson) ให้การว่า “ในขณะที่พวกเขาบินเข้าไปในพื้นที่มองเห็นทหารสหรัฐอเมริกากำลังใช้ปืนกราดยิงชาวบ้าน คนชรา ผู้หญิง เด็ก นอนตายจำนวนมาก พวกเราตัดสินใจวิทยุบอกให้กองร้อยชาลีหยุดยิงไม่เช่นนั้นเขาจะใช้ปืนกลหนักบนเฮลิคอปเตอร์ยิงใส่ทหารสหรัฐอเมริกาด้วยกันเองหากจำเป็นต้องทำ” นักบินเฮลิคอปเตอร์ฮิวจ์ ทอมป์สันที่ตัดสินใจบินเข้าไปสกัดการสังหารหมู่และช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บ ต่อมาได้รับเหรียญกล้าหาญในฐานะวีรบุรุษสงครามชั้นสูงสุดกองทัพสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังมีพลปืนกลหนักบนเฮลิคอปเตอร์ลอเรนด์ เมนเลย์ โคลเบิร์น ( Lawrence Manley Colburn) ที่ได้รับเหรียญกล้าหาญหลังพยายามเข้าขวัดขวางการสังหารหมู่
ร้อยตรีวิลเลียม แคลลีย์ (William Calley) ผู้ก่อเหตุสังหารหมู่ขึ้นศาลในประเทศสหรัฐอเมริกาแต่ได้รับการสนับสนุนจากนักการเมืองสายอนุรักษ์นิยมสหรัฐอเมริกา ร้อยตรีวิลเลียม แคลลีย์ได้รับการตัดสินโทษจำคุกเพียง 3 ปีเท่านั้น ส่วนทหารคนอื่นอีก 26 นายไม่ถูกดำเนินคดี
อย่างไรก็ตามจากการเปิดเผยของสื่อมวลชนพบว่าทหารหลายนายให้การสารภาพ เช่น พลทหารเวอร์นาโด ซิมสัน (PFC Varnado Simpson ) พลปืนไรเฟิลสังกัดกองร้อยชาร์ลีสารภาพว่าเขาคือหนึ่งในทหารที่กราดยิงเด็กเล็ก พลทหารเวอร์นาโด ซิมสันกระทำอัตวิบากกรรมฆ่าตัวตายในปี ค.ศ. 1997 จ่าเอกเคนเน็ท ฮอร์เจ็ต (SGT Kenneth Hodges) สารภาพว่าตนเองได้ทำการข่มขืนผู้หญิงชาวเวียดนามในระหว่างการสังหารหมู่ที่หมีลาย จ่าเอกการ์รี่ โรสเชวิส (SGT Gary D. Roschevitz ) สารภาพว่าใช้ระเบิด ปืน M79 สังหารประชาชนชาวเวียดนามรวมไปถึงพยายามทำการข่มขืนผู้หญิงชาวเวียดนาม
การสังหารหมู่ที่หมีลายสร้างรอยด่างพล้อยให้กับกองทัพสหรัฐอเมริกาในสงครามเวียดนามและโหมกระแสต่อต้านสงครามเวียดนามทั้งในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก รวมไปถึงสร้างความโกรธแค้นในกลุ่มประชาชนชาวเวียดนามและกองทัพเวียดนามเหนืออย่างรุนแรง
บทสนทนาทางวิทยุระหว่างนักบินเฮลิคอปเตอร์ฮิวจ์ ทอมป์สันและร้อยตรีวิลเลียม แคลลีย์ระบุว่า
ทอมป์สัน: เกิดอะไรขึ้นที่นี่?
แคลลีย์: นี่คือภารกิจของผม
ทอมป์สัน: นี่คืออะไร ใครคือคนเหล่านี้
แคลลีย์: ผมทำตามคำสั่ง
ทอมป์สัน: คำสั่ง ? คำสั่งของใคร
แคลลีย์: นี่เป็นการทำตามคำสั่ง
ทอมป์สัน: แต่นี่เป็นชาวบ้านพลเรือนที่ไม่มีอาวุธ
แคลลีย์: หุบปาก ทอมป์สันนี่ภารกิจของผม ฉันรับผิดชอบภารกิจที่นี่ มันไม่ใช่เรื่องของคุณ
ทอมป์สัน: ใช่แล้วมันเยี่ยมมาก
แคลลีย์: คุณควรกลับมาที่ร้านอาหารและนึกถึงภารกิจของคุณเอง
ทอมป์สัน: คุณจะไม่ใช่คนสุดท้ายที่ได้ยินเรื่องนี้!
ก่อนหน้านี้ในปี ค.ศ. 1950 ระหว่างการรบในสงครามเกาหลี กองทัพสหรัฐอเมริกาได้สังหารหมู่ประชาชนชาวเกาหลีเหตุการณ์สังหารหมู่โนกันรีตอนกลางของประเทศเกาหลีใต้ โดยการกราดยิงและทิ้งระเบิด ทำให้มีมู่ประชาชนชาวเกาหลีเสียชีวิตระหว่าง 200-400 คน
สงครามเป็นการแสดงด้านมืดของมนุษย์ที่โหดร้ายมากที่สุด ในมุมหนึ่งสงครามอาจไม่เหมือนสิ่งที่เราพบเห็นในภาพยนตร์ที่มีผู้ร้ายกับฝ่ายพระเอก สงครามมันมีแต่ความสูญเสียและทุก ๆ ฝ่ายมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก สิ่งที่ควรเรียนรู้จากสงครามเวียดนาม ไม่ใช่ความเกลียดชังชนชาติใดชนชาติหนึ่งแต่ควรเป็นการเรียนรู้ถึงความโหดร้ายนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสงครามขึ้นอีกครั้งไม่ว่าดินแดนประเทศไหนก็ตาม
เรียบเรียงโดย THE HISTORY NOW